รู้จัก “กลิ่นปาก” และประเภทต่างๆ ปัญหาที่แก้ไขได้

กลิ่นปาก อาจเป็นสัญญาณปัญหาสุขภาพบางอย่างได้อีกด้วย การทำความเข้าใจประเภทของกลิ่นปากจะช่วยให้เราหาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขได้อย่างตรงจุด

ประเภทของกลิ่นปาก

กลิ่นปาก (Halitosis หรือ Bad Breath) เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยและสร้างความกังวลใจให้กับหลายๆ คน ไม่เพียงแต่ส่งผลต่อความมั่นใจในการเข้าสังคม แต่ยังอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพบางอย่างได้อีกด้วย การทำความเข้าใจประเภทของกลิ่นปากจะช่วยให้เราหาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขได้อย่างตรงจุด

กลิ่นปากเกิดจากอะไร?

กลิ่นปากส่วนใหญ่เกิดจาก แบคทีเรียในช่องปาก โดยเฉพาะบริเวณลิ้นและซอกฟัน แบคทีเรียเหล่านี้จะย่อยสลายเศษอาหารและโปรตีน ทำให้เกิดก๊าซที่มีกลิ่นเหม็น เช่น สารประกอบซัลเฟอร์ระเหยง่าย (Volatile Sulfur Compounds – VSCs) ซึ่งเป็นต้นเหตุหลักของกลิ่นปาก

ประเภทของกลิ่นปากที่ควรรู้

กลิ่นปากสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่มา ดังนี้:

1. กลิ่นปากชั่วคราว (Transient Halitosis)

เป็นกลิ่นปากที่เกิดขึ้นเป็นครั้งคราวและมักหายไปได้เอง มักเกิดจาก:

  • อาหารบางชนิด: เช่น กระเทียม หอมหัวใหญ่ เครื่องเทศ กาแฟ หรือแอลกอฮอล์ กลิ่นเหล่านี้จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและถูกขับออกทางลมหายใจ
  • การตื่นนอนตอนเช้า: ในระหว่างนอนหลับ การผลิตน้ำลายจะลดลง ทำให้แบคทีเรียในช่องปากเจริญเติบโตได้ดีขึ้น
  • การอดอาหาร/ขาดน้ำ: เมื่อร่างกายขาดน้ำและไม่ได้รับประทานอาหารเป็นเวลานาน การผลิตน้ำลายจะลดลง ทำให้เกิดกลิ่นปากได้

2. กลิ่นปากเรื้อรัง (Chronic Halitosis / True Halitosis)

เป็นกลิ่นปากที่คงอยู่ตลอดเวลาหรือเกิดขึ้นเป็นประจำ และมักมีสาเหตุมาจากปัญหาภายในช่องปากหรือร่างกาย:

  • สาเหตุจากช่องปาก (Oral Causes):
    • สุขอนามัยช่องปากไม่ดี: การแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันไม่ทั่วถึง ทำให้มีเศษอาหารตกค้างและแบคทีเรียสะสม
    • ลิ้นเป็นฝ้า: บริเวณลิ้นเป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียและเศษอาหาร
    • โรคเหงือกและฟันผุ: แบคทีเรียที่เกี่ยวข้องกับโรคเหงือกอักเสบ ปริทันต์อักเสบ หรือฟันผุ สามารถผลิตสารที่มีกลิ่นเหม็นได้
    • ฟันปลอม/เครื่องมือจัดฟันที่ไม่สะอาด: เป็นแหล่งสะสมของแบคทีเรียหากดูแลไม่ดี
    • น้ำลายน้อย/ปากแห้ง: น้ำลายมีหน้าที่ช่วยชะล้างแบคทีเรียและเศษอาหาร หากน้ำลายน้อยจะทำให้เกิดกลิ่นปากได้ง่าย
    • การติดเชื้อในช่องปาก: เช่น เชื้อราในช่องปาก
  • สาเหตุจากภายนอกช่องปาก (Extra-Oral Causes):
    • โรคระบบทางเดินหายใจ: เช่น ไซนัสอักเสบเรื้อรัง ทอนซิลอักเสบ หลอดลมอักเสบ หรือการติดเชื้อในปอด
    • ปัญหาระบบทางเดินอาหาร: เช่น กรดไหลย้อน การติดเชื้อ Helicobacter pylori (H. pylori) หรือปัญหาการย่อยอาหาร
    • โรคเบาหวาน: ผู้ป่วยเบาหวานที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดสูงมาก อาจมีกลิ่นลมหายใจคล้ายผลไม้หรืออะซิโตน
    • โรคตับ/โรคไต: ผู้ป่วยโรคเหล่านี้อาจมีกลิ่นปากเฉพาะที่เกิดจากการสะสมของสารพิษในร่างกาย
    • ยาบางชนิด: ยาบางชนิดมีผลข้างเคียงทำให้ปากแห้ง ซึ่งนำไปสู่กลิ่นปากได้
    • การสูบบุหรี่: สารเคมีในบุหรี่ทำให้เกิดกลิ่นปาก และส่งผลเสียต่อสุขภาพช่องปากโดยรวม

3. กลิ่นปากหลอน (Pseudohalitosis)

เป็นภาวะที่ผู้ป่วยมีความรู้สึกว่าตนเองมีกลิ่นปาก ทั้งที่จริงแล้วผู้อื่นไม่ได้กลิ่น หรือมีกลิ่นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น มักเกิดจากความกังวลหรือการรับรู้ผิดเพี้ยนของผู้ป่วยเอง

4. กลิ่นปากจากความกังวล (Halitophobia)

เป็นภาวะที่ผู้ป่วยมีความกังวลอย่างรุนแรงและย้ำคิดย้ำทำเกี่ยวกับกลิ่นปากของตนเอง แม้จะได้รับการยืนยันจากแพทย์หรือคนรอบข้างแล้วว่าไม่มีกลิ่นปาก มักเป็นอาการที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติทางจิตเวช

เมื่อไหร่ที่ควรปรึกษาแพทย์?

หากคุณกังวลเรื่องกลิ่นปาก หรือพบว่ามีกลิ่นปากเรื้อรังที่ไม่หายไปแม้จะดูแลสุขอนามัยช่องปากอย่างดีแล้ว ควรปรึกษาทันตแพทย์หรือแพทย์ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและรับการรักษาที่เหมาะสม เพราะกลิ่นปากอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ได้

การดูแลสุขอนามัยช่องปากที่ดี เช่น การแปรงฟันและลิ้นอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง การใช้ไหมขัดฟัน และการไปพบทันตแพทย์เป็นประจำ จะช่วยลดปัญหากลิ่นปากได้อย่างมีประสิทธิภาพครับ