โอซุ่น (Celtuce หรือ Wosun): ผักคู่ใจสายหม่าล่า คุณประโยชน์แน่น!

โอซุ่น ไม่ใช่แค่ผักที่อร่อยและถูกใจสายหม่าล่าเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ

โอซุ่น คือ

หากคุณเป็นสายกินที่ชื่นชอบอาหารจีนรสจัดจ้าน โดยเฉพาะเมนู หม่าล่า ทั้งสุกี้หม่าล่า ชาบูหม่าล่า หรือยำหม่าล่า คุณอาจจะคุ้นเคยกับผักชนิดหนึ่งที่มีเนื้อสัมผัสกรุบกรอบเป็นเอกลักษณ์ สีเขียวอ่อนน่ารับประทาน นั่นก็คือ “โอซุ่น” หรือบางคนอาจเรียกว่า วอซุ่น (Wosun) หรือ ผักกาดหอมต้น (Celtuce) นั่นเอง แม้จะเป็นผักพื้นบ้านชาวจีน โดยเฉพาะในมณฑลยูนนาน แต่ปัจจุบันโอซุ่นก็ได้รับความนิยมและหาซื้อได้ง่ายขึ้นในประเทศไทย

โอซุ่น คืออะไร?

โอซุ่น (Celtuce หรือ Lactuca sativa var. augustana) จัดเป็นผักในตระกูลเดียวกับผักกาดหอม (Lettuce) มีลักษณะเด่นที่ ลำต้นอวบใหญ่ สีเขียวอ่อน คล้ายก้านคะน้าหรือยอดมะพร้าวอ่อน ส่วนใบจะหยักปลายแหลม สามารถรับประทานได้ทั้งลำต้นและใบ แต่ส่วนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดและเป็นจุดเด่นของโอซุ่นคือ ลำต้น ที่มีเนื้อสัมผัส กรุบกรอบ มีความชุ่มฉ่ำ และมีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ คล้ายกลิ่นนม หรือบางคนอาจสัมผัสได้ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆ คล้ายใบเตย

โอซุ่นเป็นพืชที่เจริญเติบโตได้ดีในสภาพอากาศหนาวเย็น จึงมักพบปลูกกันมากในพื้นที่สูงทางภาคเหนือของไทย เช่น ดอยอ่างขาง ซึ่งมีสภาพอากาศเอื้ออำนวย

ประโยชน์และคุณค่าทางโภชนาการของโอซุ่น

นอกจากรสชาติที่อร่อยถูกใจแล้ว โอซุ่นยังอุดมไปด้วยสารอาหารและมีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ดังนี้:

  • อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ: โอซุ่นเป็นแหล่งของวิตามินหลายชนิด เช่น
    • วิตามินเอ (และเบต้าแคโรทีน): สูงมาก ช่วยบำรุงสายตา เสริมสร้างระบบการมองเห็นที่ดี และรักษาสุขภาพของเยื่อบุและผิวหนังให้แข็งแรง
    • วิตามินซี: ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกาย ป้องกันหวัด และบำรุงผิวพรรณ
    • วิตามินเค: ช่วยเพิ่มมวลกระดูกและส่งเสริมการสร้างเซลล์กระดูก ทำให้กระดูกแข็งแรง
    • วิตามินบี: มีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาทและสมอง
  • สารต้านอนุมูลอิสระสูง: โอซุ่นมีสารประกอบฟีนอลิกและฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพสูง ช่วยปกป้องเซลล์ในร่างกายจากความเสียหายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังต่างๆ และชะลอความเสื่อมของร่างกาย
  • กากใยอาหารสูง: ช่วยในเรื่องของระบบขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก และส่งเสริมสุขภาพของลำไส้ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
  • แคลอรี่ต่ำ: เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก หรือรับประทานเพื่อสุขภาพ เพราะให้พลังงานต่ำแต่ได้ประโยชน์เต็มที่
  • ช่วยบำรุงหัวใจและลดความดันโลหิต: สารอาหารบางชนิดในโอซุ่นอาจมีส่วนช่วยในการลดความดันโลหิตและระดับไขมันในเลือด ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด
  • มีโฟเลต: สารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงครรภ์สำหรับสตรีมีครรภ์

โอซุ่น นิยมนำไปทำเมนูอะไรบ้าง?

โอซุ่นสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลายเมนู เนื่องจากมีรสชาติเป็นกลางและเนื้อสัมผัสที่น่าสนใจ:

  • ลวก/ต้ม: เป็นเมนูยอดนิยมสำหรับสายหม่าล่าและชาบู เพียงปอกเปลือกส่วนลำต้นออกจนเหลือแต่ก้านด้านในสีเขียวอ่อน แล้วนำไปลวกให้พอสุก จะได้ความกรุบกรอบอร่อย
  • ทานสด: ลำต้นโอซุ่นสามารถปอกเปลือกแล้วนำมาทานสดๆ คู่กับน้ำสลัด หรือเป็นเครื่องเคียงกับอาหารต่างๆ ได้เลย
  • ผัด: นิยมนำมาผัดกับเนื้อสัตว์ต่างๆ เช่น หมู เนื้อ ไก่ หรือผัดกับกระเทียม ปรุงรสด้วยน้ำมันหอย หรือซีอิ๊วขาว จะได้เมนูผักผัดที่อร่อยและมีเนื้อสัมผัสเป็นเอกลักษณ์
  • ยำ/สลัด: นำลำต้นมาซอยเป็นเส้นๆ แล้วนำไปยำแบบจีนยูนนาน หรือทำเป็นสลัดผัก ใส่ในยำหม่าล่า เพื่อเพิ่มความกรุบกรอบและรสชาติ
  • ต้มซุป/แกง: สามารถใส่ในเมนูซุปหรือแกงต่างๆ เพื่อเพิ่มความหลากหลายของผักและคุณค่าทางโภชนาการ

ข้อควรระวังในการรับประทานโอซุ่น

  • การปอกเปลือก: ส่วนเปลือกด้านนอกของลำต้นโอซุ่นจะมีความหนา แข็ง และมีเสี้ยนอยู่มาก จึงจำเป็นต้องปอกออกให้หมดจนเหลือแต่เนื้อด้านในที่มีลักษณะใสและกรุบกรอบ หากปอกไม่ดีอาจทำให้มีรสขมหรือมีเสี้ยนติดได้
  • ความสดใหม่: ควรเลือกซื้อโอซุ่นที่สดใหม่ ลำต้นยังคงอวบและไม่มีรอยช้ำ เพื่อให้ได้รสชาติและเนื้อสัมผัสที่ดีที่สุด
  • การบริโภคที่หลากหลาย: แม้โอซุ่นจะมีประโยชน์ แต่ก็ควรรับประทานผักและผลไม้อื่นๆ ให้หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน

โอซุ่น ไม่ใช่แค่ผักที่อร่อยและถูกใจสายหม่าล่าเท่านั้น แต่ยังเป็นแหล่งรวมคุณประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ การนำโอซุ่นมาเป็นส่วนหนึ่งในมื้ออาหารของคุณ ไม่ว่าจะนำไปปรุงเมนูไหน ก็ล้วนแต่เพิ่มความอร่อยและคุณค่าทางโภชนาการให้กับร่างกายได้อย่างดีเยี่ยม ดังนั้น ครั้งหน้าเมื่อไปเลือกซื้อผัก หรือเข้าร้านหม่าล่า อย่าลืมมองหา “โอซุ่น” และลองลิ้มรสความอร่อยและประโยชน์ของผักชนิดนี้กันดูนะคะ!