ท้องเสียห้ามกินอะไร? อาหารที่ควรเลี่ยงเพื่อหยุดอาการ!

เมื่อเกิดอาการท้องเสีย การเลือกรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้อาการแย่ลงและยืดเยื้อได้ นี่คือรายการอาหารที่ควรเลี่ยง

ท้องเสียห้ามกินอะไร

ท้องเสียห้ามกินอะไร

เมื่อเกิดอาการท้องเสีย (ท้องร่วง) สิ่งสำคัญที่สุดคือการให้ร่างกายได้พักฟื้นและหยุดการระคายเคืองของลำไส้ การเลือกรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสมอาจทำให้อาการแย่ลงและยืดเยื้อได้ นี่คือรายการอาหารและเครื่องดื่มที่คุณ ควรหลีกเลี่ยง ในช่วงที่มีอาการท้องเสีย:

ท้องเสียห้ามกินอะไร อาหารที่ไม่ควรทานตอนท้องเสีย

1. ผลิตภัณฑ์นมและนมวัว (ยกเว้นโยเกิร์ตบางชนิด)

  • สาเหตุ: หลายคน โดยเฉพาะเมื่อท้องเสีย อาจเกิดภาวะขาดเอนไซม์แล็กเทสชั่วคราว ทำให้ไม่สามารถย่อยน้ำตาลแล็กโตสในนมได้
  • สิ่งที่ควรเลี่ยง: นมวัว ชีส ครีม และผลิตภัณฑ์นมอื่น ๆ
  • ข้อยกเว้น: โยเกิร์ตบางชนิดที่มีจุลินทรีย์โปรไบโอติก (Probiotic) อาจช่วยฟื้นฟูสมดุลในลำไส้ได้ แต่ควรเลือกชนิดที่ไม่มีน้ำตาลสูง

2. อาหารที่มีไขมันสูงและทอด

  • สาเหตุ: ไขมันใช้เวลาย่อยนานและกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ซึ่งอาจทำให้อาการท้องเสียรุนแรงขึ้น
  • สิ่งที่ควรเลี่ยง: ไก่ทอด, หมูทอด, เฟรนช์ฟราย, อาหารผัดที่ใส่น้ำมันเยอะ, ของหวานที่มีไขมันสูง

3. ผักและผลไม้ที่มีใยอาหารสูง (บางชนิด)

  • สาเหตุ: ใยอาหารที่ไม่ละลายน้ำ (Insoluble Fiber) ในผักผลไม้บางชนิดอาจกระตุ้นการทำงานของลำไส้
  • สิ่งที่ควรเลี่ยง: ผักสดใบเขียวที่เคี้ยวยาก (เช่น บรอกโคลี กะหล่ำ), ผลไม้ตระกูลเบอร์รีที่มีเมล็ดเยอะ, ถั่วเปลือกแข็ง
  • สิ่งที่แนะนำ (ถ้าอยากกินผัก/ผลไม้): กล้วย, แอปเปิลปอกเปลือก (มีเพคตินช่วยดูดซับน้ำ), มันฝรั่งต้ม, แครอทต้ม

4. เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนและน้ำตาลสูง

  • สาเหตุ: คาเฟอีนมีฤทธิ์กระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ (เหมือนยาระบายอ่อนๆ) และน้ำตาลสูงจะดึงน้ำเข้าสู่ลำไส้ ทำให้อาการท้องเสียแย่ลง
  • สิ่งที่ควรเลี่ยง: กาแฟ, ชาเข้มๆ, น้ำอัดลม, น้ำผลไม้บรรจุกล่องที่มีน้ำตาลสูง

5. อาหารรสจัด เผ็ดจัด และเครื่องเทศ

  • สาเหตุ: ความเผ็ดร้อนและเครื่องเทศที่เข้มข้นจะระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินอาหาร ทำให้ลำไส้เกิดการอักเสบและบีบตัวมากขึ้น
  • สิ่งที่ควรเลี่ยง: ส้มตำรสจัด, แกงเผ็ดที่มีพริกและเครื่องเทศมาก

💡 อาหารที่ควรเน้น (สูตร BRAT)

หากมีอาการท้องเสีย ควรมุ่งเน้นไปที่อาหารอ่อน ๆ ที่ย่อยง่าย เช่น:

  • Bananas (กล้วย)
  • Rice (ข้าวต้ม)
  • Applesauce (ซอสแอปเปิล หรือแอปเปิลต้มปอกเปลือก)
  • Toast (ขนมปังปิ้ง)

และที่สำคัญที่สุดคือ การดื่มน้ำเกลือแร่ (ORS) เพื่อทดแทนการสูญเสียน้ำและเกลือแร่ เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ.

ข้อแนะนำ: หากอาการท้องเสียไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรือมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น มีไข้สูง ถ่ายเป็นมูกเลือด ควรปรึกษาแพทย์ทันที.