ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ แยก 2 สีสำคัญ สีแดงต้องจอด! สีเหลืองยังขับได้ไหม?

สัญลักษณ์ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์มีมากมายจนสับสน? ช่างแนะนำให้จำแค่ 2 สีหลัก! สีแดงคือวิกฤตอันตรายต้องจอดทันที ส่วนสีเหลืองคือเตือนให้รีบเข้าอู่

ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์ แยก 2 สีสำคัญ สีแดงต้องจอด! สีเหลืองยังขับได้ไหม?

ไฟเตือนหน้าปัดรถยนต์: แยก 2 สีสำคัญ สีแดงต้องจอด! สีเหลืองยังขับได้ไหม?

เวลาขับรถอยู่แล้วมีสัญลักษณ์ไฟหน้าปัดโชว์ขึ้นมา อย่าเพิ่งตกใจ สารพัดไฟเตือนเหล่านี้มีหลักการจำง่ายๆ แค่แยกตามสีเท่านั้น การเข้าใจความหมายของ “ไฟสีแดง” และ “ไฟสีเหลือง” จะช่วยให้คุณรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ต้องจอดรถทันที ก่อนที่รถจะพังเสียหายหนัก หรือเกิดอันตราย

สีแดง: Red Alert สัญญาณวิกฤต “ต้องจอดทันที”

หากเห็นไฟสีแดงสว่างขึ้นมา แปลว่ารถกำลังมีปัญหาร้ายแรงและวิกฤต ห้ามฝืนขับต่อเด็ดขาด ช่างผู้เชี่ยวชาญย้ำว่าต้องหาที่ปลอดภัยแล้วจอดรถทันที เพราะอาจนำไปสู่ความเสียหายสูงถึงหลักแสนบาท หรือรถดับกลางทางได้

  • รูปแบตเตอรี่ (ไดชาร์จไม่ทำงาน): ไม่ได้แปลว่าแบตหมด แต่หมายถึง “ไดชาร์จพัง” ทำให้รถดึงไฟจากแบตเตอรี่มาใช้จนหมดก้อน ซึ่งจะทำให้รถดับกลางอากาศในไม่กี่นาที
  • รูปกาน้ำมันเครื่อง (แรงดันน้ำมันเครื่องต่ำ): นี่คือสัญญาณอันตรายที่สุด หมายถึง “เครื่องยนต์ขาดน้ำมันหล่อลื่น” อย่างรุนแรง หากฝืนขับต่อชิ้นส่วนจะเสียดสีกัน และ “เครื่องพัง” ทันที
  • รูปเทอร์โมมิเตอร์ (เครื่องร้อนจัด/Overheat): เกิดจากระบบระบายความร้อนล้มเหลว ต้องรีบจอดทันที และรอจนกว่าเครื่องยนต์จะเย็นลง ห้ามเปิดฝาหม้อน้ำตอนเครื่องร้อนเด็ดขาด
  • รูปวงกลมมีเครื่องหมายตกใจ (ระบบเบรก): นอกจากลืมปลดเบรกมือ อาจหมายถึง “น้ำมันเบรกขาด” หรือระบบเบรกมีปัญหา ซึ่งอันตรายต่อความสามารถในการหยุดรถ ต้องจอดและเรียกช่างทันที

สีเหลือง/ส้ม: Yellow Alert สัญญาณเตือน “ยังขับต่อได้…แต่รีบเข้าอู่”

สำหรับไฟเตือน สีเหลือง หรือ สีส้ม สถานการณ์จะไม่วิกฤตเท่าสีแดง แปลว่าระบบบางอย่างเริ่มมีปัญหา แต่ยังพอขับประคองต่อไปได้ เพื่อนำรถไปเข้าอู่หรือศูนย์บริการให้เร็วที่สุด ไม่ควรปล่อยทิ้งไว้นาน

  • รูปเครื่องยนต์ (Check Engine): ไฟยอดฮิตที่แจ้งว่า “การเผาไหม้ของเครื่องยนต์มีปัญหา” สาเหตุมีได้ตั้งแต่ฝาถังน้ำมันปิดไม่สนิทไปจนถึงเซ็นเซอร์ออกซิเจนเสีย แม้ยังขับได้แต่ประสิทธิภาพอาจลดลง
  • รูป ABS (ระบบเบรก ABS): หมายความว่า “ระบบเบรก ABS มีปัญหา” ระบบเบรกธรรมดายังใช้ได้ แต่ประสิทธิภาพในการเบรกฉุกเฉินหรือการป้องกันล้อล็อกจะลดลง ต้องรีบนำรถไปตรวจสอบและขับด้วยความระมัดระวัง

สรุป: หลักการจำง่ายๆ คือ ไฟสีแดง หมายถึง “จอดทันที” เพราะเป็นปัญหาวิกฤตที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและความเสียหายของเครื่องยนต์โดยตรง ส่วน ไฟสีเหลือง คือ “รีบไปอู่” เพราะเป็นการเตือนล่วงหน้าให้แก้ไขก่อนที่ปัญหาจะลุกลามใหญ่โต